อยากไปเที่ยวไหนหาได้ที่นี่

วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ตอนที่ 6 โรแมนติกนี้ที่ปารีส 1 (Romantic in Paris 1)


     ปารีส เชื่อว่าหลายๆคนคงเคยไปมาแล้ว นักท่องเที่ยวไทยได้ให้นิยามกับเมืองนี้ว่า เมืองที่โรแมนติกที่สุด เดี๋ยวไกด์เป็นคนไทยหลายคนไปถ่ายพรีเวดดิ้งที่นี่เยอะมากสำหรับคนกระเป๋าหนาหน่อย หลักๆเลยที่เห็นไปถ่ายก็น่าจะเป็นหอไอเฟล ประตูชัย ลูวฟ์ ไม่ใช่แค่นะต่างชาติอื่นๆก็มีค่ะ เอานะครั้งหนึ่งในชีวิตการแต่งงาน เอาล่ะเข้าเรื่องดีกว่าวันนี้ไกด์จะมาแนะนำการเที่ยวในปารีสด้วยตัวเองอันนี้สำหรับคนที่จะเดินทางเองที่ยังไม่เคยไปหรือเคยไปมาแล้วแต่ไม่รู้ว่าเที่ยวครบรึป่าว อะไม่เป็นไรสามารถเช็คที่ข้อมูลกับไกด์ได้นะจ้ะ
     พูดถึงเรื่องตั๋วเครื่องบินและที่พักนิดนึงนะจ้ะ ตั๋วเครื่องบินแนะนำสำหรับคนที่เป็นมือใหม่นะ สำหรับเส้นทางยุโรป เลือกสายการบินที่เป็นสำคัญมากไกด์มีสายการบินมาให้ดูใครชอบไหนเหมาะกับอันนี้ก็เลือกได้ตามใจชอบเลยนะค่ะ 

สายการบินตะวันออกกลาง
 
Etihad Airways, Emirates, Gulf Air, Qatar Airways, Kuwait Airways

         โดยปกติถ้าคนที่เดินทางบ่อยจะรู้ว่าตั๋วแถบตะวันออกกลางจะราคาถูกพอสมควรประมาณ 25,XXX บาท ขึ้นไป ถ้าติดตามโปรโมชั่นดีอาจจะได้บินไปกลับแค่เพียง 18,XXX ก็มีนะค่ะ แน่นอนว่าต้องเปลี่ยนเครื่องเพราะที่ตะวันออกกลางไม่มีไฟลท์บินตรงไปปารีส ใช้เวลาเปลี่ยนเครื่องก็ไม่นานค่ะ 2-3 ชั่วโมงโดยประมาณ เวลาเดินทางไปจากกรุงเทพไปปารีสหรือแถบๆยุโรปโดยเฉลี่ย 16-17 ชม.ค่ะ ไปดึกไปถึงปารีสประมาณเที่ยงก็โออยู่นะไกด์ชอบเวลานี้เพราะพอไปถึงโรงแรมก็เช็คอินเข้าห้องพักผ่อนได้เลย ถ้าดูราคากับเวลาและที่นั่ง ตัวเครื่องบินความทันสมัยอาหารสมัยไกด์ ก็ว่าอยู่ในระดับดีมากเลยนะอันนี้ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งค่ะ 7.5/10



สายการบินตามสัญชาติในยุโรป

Swiss air, KLM, SAS Scandinavian, Finn Air, Lufthansa, Turkish Airline, Austrian Airlines, British Airways
          สำหรับสายการบินนี้ราคาก็จะสูงขึ้นมาหน่อยนึงเมื่อเทียบกับสายการบินตะวันออกกลางแต่ความสะดวกสบายอยู่ที่เวลาการเปลี่ยนเครื่องและการเดินทางค่อนข้างใกล้เคียงกับไฟลท์บินตรงใช้เวลาในการเดินทาง 14-15 ชม. ส่วนใหญ่จะถึงปารีสประมาณ 8-9 โมงเช้า (ในกรณี้ออกไฟลท์จากไทยดึกรวมต่อเครื่องทั้งหมด) เช่น นั่ง Lufthansa จากกรุงเทพ 23.50 ถึง ปารีส 08.00 ประมาณนีั ดูรวมแล้วเวลาการเดินทางถึงว่าดีระดับหนึ่ง สิ่งอำนวยความสะดวกในเครื่องบินก็ดี 8/10



สายการบินที่บินตรง

การบินไทย Air France  

        สำหรับคนที่ไม่อยากจะเดินทางแบบเปลี่ยนไฟลท์ขี้เกียจรอต้องนี้เลย สายการบินประจำชาติไทยและฝรั่งแต่ สองสายการบินนี้ออกคนละเวลานะค่ะ การบินไทยออกจากสุวรรณภูมิไฟลท์ดึก (00.05 - 06.05 +1) แอร์ฟรานซ์ (10.20 - 17.05) ก็แล้วแต่ใครจะสะดวกแบบไหนนะค่ะ ระยะเวลาเดินทาง 11-12 ชม.  ส่วนราคาแน่นอนค่ะแพงกว่า 2 แบบข้างบนแต่ถ้าเทียบ 2 สายการบินนี้ Air France จะถูกกว่านะค่ะแต่จะเป็นช่วงๆ ยังไงก็เช็คราคาและโปรโมชั่นกับเอเจนซี่ขายตั๋วและหน้าเว็บสายการบินบ่อยๆนะค่ะ อย่างเมื่อเดินทางแล้วก็อยู่ที่ 28,000 บาทราคาก็โอเคนะค่ะ ถ้าใครไม่เรื่องมากเรื่องเวลาเดินทางแนะนำแอร์ฟรานซ์ค่ะเร็วสะดวกหลับได้ตลอดไฟลท์ไม่ต้องเปลี่ยนเครื่อง ในเครดิตพี่ไทยเราบ้างเราไม่ขอพูดถึงเรื่องราคานะรู้ๆกันอยู่ (แพงกว่าเพื่อน แต่ยกเว้นช่วงโปรฯ) ถ้าพูดถึงในเรื่องของจุดประสงค์หลักของการเที่ยวหลายๆคนคือต้องการพักผ่อนชาร์จแบตตัวเองก่อนที่จะมาลุยงานหนักอีกรอบ อยากรับความสะดวกสบายตลอดทริปแม้จะเดินทางด้วยตัวเอง ไกด์เชียร์การบินไทยเราค่ะ สะดวกสบาย โดยเฉพาะเส้นทางไปปารีส เครื่องใหม่ประเภทลำใหญ่ที่สุดของ AIRBUS บินทุกวัน อาหารดี พนักงานต้อนรับฯเรียกง่าย (รึป่าว 555 ล้อเล่นๆเรียกง่ายค่ะบริการดีพี่ๆแอร์น่ารัก) สำหรับไกด์แล้ว การบินไทยเราดีที่สุด โดยรวมไฟลท์ตรงดีค่ะ เร็ว สะดวก สบาย ให้ความช่วยเหลือได้ดี (สำหรับคนที่ไม่เก่งภาษานะหรือเดินทางเป็นครั้งแรก) 10/10 


สายการบินที่รีวิวให้เป็นข้อมูลนี้อาจจะช่วยให้ใครตัดสินใจเลือกสายการบินได้ดีขึ้นไม่มากก็น้อยนะค่ะยังไง พรุ่งนี้ไกด์นะมาพูดในเรื่องของการเดินทางเข้าเมืองเลือกโรงแรมว่าควรเลือกอย่างไรเพราะหลายคนมือใหม่เรื่องการจองโรงแรมหรือไปมาแล้วและจองผ่านเว็บไซต์จองโรงแรมทั้งหลายถึงกับต้องผิดหวังพรุ่งนี้ไกด์จะมารีวิวทีพักและวิธีการเลือกห้องพักมาแนะนำกัน โปรดติดตามนะค่ะ 

วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ตอนที่ 5 ฝากท้องไว้ที่นารา "ทัตสึตะอะเกะ"

         สวัสดีค่ะเพื่อนๆวันนี้มีเรายังอยู่ที่นารานะค่ะ 555  เมื่อวานรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวนาราแล้วเกิดอยากกินอันนี้ขึ้นมาอร่อยจริงๆ โพสต์นี้ถือว่าเป็นการเรียกน้ำย้อยในมื้อเที่ยงนี้ก็ว่าได้ อันนี้ขอรีวิวตามที่ไกด์คิดว่าอร่อยนะ (ปกติไกด์กินง่ายถ้าอันไหนไม่อร่อยก็แสดงว่ารสชาติควรปรับปรุ่งอย่างหนัก 555)

ทัตสึตะอะเกะ 
ไก่ชุปแป้งมันสำปะหลัง รสชาติอร่อยแบบคลีนนะ เมนูที่นี้มีหลายร้านค่ะแต่ที่แนะนำต้อ' ร้านซาดัง ร้านจะเป็นสไตล์แบบคาเฟ่ คอฟฟี่ช็อป มีอาหารบริการโดยมีเมนูดังคือ ทัตสึตะอะเกะ นี่เองจ้า ร้านนี้ไม่อยู่ไม่ไกลจากวัดซิกิซัง โซโกะชงชิจิ ที่รีวิวไปเมื่อนวานนี้อยู่บริเวณเยื่้องๆทางขึ้นเขาแต่อยู่ในซอยนะค่ะไม่ลึกเท่าไหร่ร้านหาง่าย บรรยากาศในร้านดี



นอกจาก ทัตสึคะอะเกะ แล้วร้านนี้ยังมีขนมหวานเบเกอรี่หลายเมนูและเมนูอื่นๆไว้ค่อยบริการด้วยนะค่ะ




หากใครอยากลองชิมดูว่าอร่อยสมคำร่ำลืออย่างที่ไกด์ได้บอกรึป่าว แวะไปได้นะค่ะที่

ร้านซาดัง (CAFE ZADAN) ที่อยู่ 2 Chome-3-16 Horyuji, Ikaruga, Ikoma District, Nara Japan

โทร : +81 745-74-5797    ร้านเปิด 09:00-17:00 น. ทุกวัน



ตอนที่ 4 ใบไม้ร่วงที่นาราเมืองมรดกโลกแห่งญี่ปุ่น


สวัสดีทุกท่านค่ะ วันนี้อากาศดีเลยที่เดียว (แทบไม่อยากลุกจากที่นอน) เอาละเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าค่ะ จากโพสต์ก่อนหน้านี้ที่ได์ได้โพตส์เกี่ยวกับ สถานที่ท่องเที่ยวฤดูใบไม้ในญี่ปุ่น แต่มีอีกเมืองหนึ่งที่ไกด์เคยไปแต่ไม่ได้รีวิวให้ดู คือ นารานั่นเอง หลายๆท่านอาจจะคุ้นหูคุ้นชื่อเมืองนี้บ้าง เพราะนาราอยู่ใกล้กับโอาก้านั่งเองค่ะ ปกติถ้าเราไปกับกรุ๊ปทัวร์ที่เป็นทัวร์โอซาก้าส่วนมากก็จะมีเมืองนาราในโปรแกรมทัวร์นั้นๆ ด้วยจ้า เอาละขอแนะนำเมืองนาราให้รู้จักคราวๆก่อนะค่ะ นาราเป็นเมืองที่บนเกาะฮอนชูห่างจากจังหวัดโอซาก้าโดยประมาณ 50 กิโลเมตร เดิมนาราเคยเป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นมาก่อนในยุคนะระ  (ค.ศ. 710 - ค.ศ. 795) ซึ่งในยุคนี้มีความเจริญรุ่งเรืองทางพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมากโดยจะเห็นได้จากมีวัดจำนวนมากทั้งวัดเล็กและวัดใหญ่ รวมถึงโบราณสถานจากยุคนะระปรากฏทั่วเมืองนารา ซึ่งทำให้ตอนนี้ยูเนสโกได้จดทะเบียนให้เมืองนาราเป็นมรดกโลกเรียบร้อยแล้ว แค่ได้ยินประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของเมืองเล็กๆแห่งนี้ มีดูกันค่ะว่ามีที่ไหนกันบ้างวันนี้ของหยิบยกสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลกนะค่ะ


สวนกวางนารา
              เป็นสวนสาธารณะที่มีกวางจำนวนมาก ประมาณ 1,200 ตัวในพื้นที่นี้โดยกวางจะถูกปล่อยอย่างอิสระซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถนำอาหารมาให้กวางได้หรือสามารถซื้อได้ที่ร้านค้าในสวนฯค่ะ กวางที่อยู่บริเณจะมีลักษณะเชื่อง น่ารักต่อนักท่องเที่ยว กวางถือเป็นสัตว์ที่คู่บ้านคู่เมืองของเมืองนารามานานเพราะกวางถือว่าเป็นสัตว์สวรรค์ซึ่งมีตำนานอยู่ว่า เทพเจ้าทาเคมิคาซูชิ (Takemikazuchi) กับกวางขาวและช่วยปกป้องเมืองนาราจากสิ่งที่ไม่ดีต่างๆซึ่งทำให้กวางเป็นสัตว์สำคัญของเมืองนารา สวนกวางตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของพระราชวังเก่าและยังมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายๆแห่งที่อยู่ใกล้สนกวางนี้ เช่น วัดโทไดจิ (Todaiji) ศาลเจ้าคาสุกะ (Kasuga Taisha) โคฟุคุจิ (Kofukuji) และพิพิธภัณฑ์แห่งชาตินารา (Nara National Museum) ซึ่งหากท่านจะเที่ยวนาราโดยมีจุดเริ่มต้นที่สวนกวาง ท่านก็สามารถเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่กล่ามาข้างต้นได้อย่างสบายเลยค่ะโดยไม่ต้องกังลถึงแม้ทริปนี้จะเดินทางมาคนเดียก็ตาม




วัดโทไดจิ (Todaiji)
              วัดโทไดจิ หรือ วัดหลวงพ่อโตแห่งเมืองนารา ถูกสร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 752  วัดนี้มีความสำคัญอย่างมากกับประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น อาคารหลักในวัดถือเป็นอาคารไม้ที่ใหญที่สุดในโลก ซึ่งภายในประดิษฐานของหลวงพ่อ หรือที่เรียกกันว่า ไดบุตสึเดน ซึ่งเป็นพระประธานที่ใหญ่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งด้านหน้าของวัดก็มีฝูงกวางอยู่จำนวนไม่น้อยเหมือนกัน สามารถซื้อขนมเซนเบ้ SENBEI เพื่อป้อนน้องกวางได้นะค่ะ ห่อละ 100-150 เยน



ศาลเจ้าคาสุกะ (Kasuga Taisha)
           ศาลคาสุเกะเป็นศาลเจ้าที่มีมานาน ตั้งแต่คริตส์ศตวรรษที่ 7 ในยุคที่นารายังเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่น สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับแด่เทพเจ้าผู้ปกป้องเมืองนาราสมัยนั้น และยังเป็นศาลเจ้าประจำตระกูล ฟูจิวาระ อีกด้วย ซึ่งที่เป็นจุดขายของวัดนี้คือตะเกียงนับพับดวงที่รายล้อมรอบศาลเจ้าเป็นอีกมุมหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกัน และหากอยากเป็นความสวยงามของไฟตะเกียงนับพันดวงและความอลังการมากวว่านี้ต้องมาในช่วงของเทศกาลตะเกียงประมาณเดือนกุมภาพันธ์และเดือนสิงหาคมของทุกปีค่ะ หากใครสนใจสามารถเช็ครายละเอียดของงานได้ที่ เว็บไซต์การท่องเที่ยวของญี่ปุ่นได้



โคฟุคุจิ (Kofukuji)
           เคยเป็นวัดของครอบครัวฟูจิวาระ ตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในช่วงยุุคนะระและเฮอัน ถูกสร้างขึ้นประมาณค.ศ.ปี 710 ในช่วงเดียวกับที่นาราเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่น เมื่อก่อนในสมัยนั้นเคยมีอาคารมากกว่า 140 กว่าอาคารภายในวัด แต่ปัจจุบันนี้เหลืออยู่เพียงไม่กี่อาคาร ซึ่งมีอาคารหลัก 2 อาคาร เจดีย์ห้าชั้นและเจดีย์สามชั้น สำหรับเจดีย์ 5 ชั้นนั้นสูงเป็นอันดับสองของเจดีย์ในญี่ปุ่น 



วัดโทฟูกุจิ (Tofukuji Temple)
           สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1236 โดยตระกูลฟูจิวาระ เป็นวัดเซ็นขนาดใหญ่ชื่อของวัดมีความสัมพันธ์กับวัด 2 แห่งในนาราคือวัดไทโดจิและวัดโคฟุกุจิ วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงในการชมใบไม้แดงในฤดูใบไม้ร่วงซึ่งเป็นช่วงนี้นี่เองถ้าคุณไปตอนนี้จะเห็นนักท่องเที่ยวคึกคักตลอด ในฤดูใบไม้ร่วงผู้คนทั้งชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาเยี่ยมเยือนวัดแห่งนี้เพื่อชมใบไม้เปลี่ยนสีจุดที่นิยมที่สุดคือสะพานซุเทนเคียว ซึ่งใบเมเปิ้ลจะปกคลุมสะพานยาวถึง 100 กว่าเมตร ถือเป็นจุดถ่ายภาพที่เริ่ดที่สุดในฤดูใบไม้ร่วงนี้ ส่วนในบริเวณวัดสามารถเข้าชมได้ฟรีรวมถึงอาคารที่ใหญ่ที่สุดด้วย นอกจากนี้ยังมีประตูซานม่อนสร้างเป็นแบบเซ็นโบราณด้านหลังประตูคือห้องโถงหลักฮอนโดที่ได้มีการบูรณะเมื่อ ค.ศ. 1934 รอบๆบริเวณนั้นมีอาคารต่างๆของวัดในช่วงต้นสมัยมูโรมาชิและสถาปัตยกรรมแบบเซ็น เช่น ห้องสวดมนต์ หอระฆัง ห้องอาบน้ำและห้องน้ำ เป็นต้น


วัดซิกิซัง โซโกะชงชิจิ (Shigisan Chogosonshi-Ji Temple)
           วัดแห่งนี้อยู่ห่างจาก สวนนารากับวัดที่ได้กล่าวมานะค่ะ เพราะตั้งอยู่บนเขาชิงิ เมืองอิคุมะ สร้างขึ้นเมื่อ ศ.ค. 700 ในสมัยนารายังเป็นเมืองหลวงเหมือนกันและมีความรุ่งเรื่องทางพระพุทธศาสนาเหมือนกัน สร้างโดยเจ้าชายโอโตกุ พระราชโอรสสมเด็จจักรพรรดิ์โยเม มีเรื่องเล่ากันว่าเมื่อสมัยนั้นเกิดสงครามกันบ่อยก่อนออกรบองค์จักรพรรดิ์ได้ขอพรกับพระเจ้ามิชามอน ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความโชคดีและชัยชนะ ว่ากันว่าเทพเจ้ามิชามอนได้ปรากฏตัวในวันเสือเดือนเสือและปีเสือในคราวเดียวกันเพื่อประทานพรแก่นักรบ ซึ่งต่อมาภายหลังได้รับชัยชนะจากสงครามทำให้เจ้าชายโอโตกุได้สร้างวัดนี้ขึ้นมาเพื่อถวายแด่เทพเจ้ามิชามอนและหากใครที่ต้องการขอพรให้ประสบผลสำเร็จทางด้านการเงินแนะนำมาที่นี่เลยนะค่ะ 

ทั้งหมดนี้หากใครไปในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ นาราจะไม่ทำให้คุณผิดหวัดแน่นอนค่ะ 
           

วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ตอนที่ 3 เตรียมอุปกรณ์เที่ยวหน้าฝน

สวัสดีเพื่อนๆทุกท่าน วันนี้ฟ้าฝนดูชุ่มช่ำกันทั้งวันเลย วันนี้ไกด์เลยอยากจะมาแนะนำเคล็ดลับเล็กๆน้อยในการเดินทางหรือเที่ยวหน้าฝนอย่างไรให้สนุกจ้า การเที่ยวในหน้าฝนแต่ประเทศทั่วโลกตอนนี้เป็นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากแม้แต่กระทั่งประเทศไทยเราเอง เพราะนะฝนนอกจากจะมีค่าใช้จ่ายที่ราคาถูก นักท่องเที่ยวยังสามารถรับชมธรรมชาติในสถานที่ท่องเที่ยนั้นๆในน่าฝนที่สวยไม่แพ้กับฤดูอื่นๆเลยที่เดียวค่ะ แต่อย่าเที่ยวชมธรรมชาติของแหล่งท่องเที่ยวเพลินจนลืมฝนบนฟ้าไปนะค่ะเพราะมันตกได้ทุกสถานที่จริงๆ บางที่อาจจะทำให้คุณเกิดอาการนอยด์ได้หรือทริปจบไม่สวยก็ว่าได้ค่ะ เอาล่ะ วันนี้เดี๋ยวไกด์ขอแนะนำอุปกรณ์หรืออาวุธประจำกาย เล็กๆน้อยๆในการเที่ยวหน้าฝนมา  6 ชิ้น ไม่ต้องเลือกครบทั้ง 6 ชิ้นก็ได้ค่ะเดี๋ยวมันจะเกะกะเวลาเที่ยวนะ ยิ่งจะทำให้นอยด์ใหญ่กันไปเลย  เลือกใช้ตามที่แต่ละท่านถนัดนะค่ะจะกี่ชิ้นก็ว่าไปเพราะทักษะการหลบฝนแต่ละคนต่างกัน 555



ร่ม
    เป็นที่สิ่งที่จำเป็นอย่างมากและถือว่าเป็นอาวุธประจำกายของทุกคนในฤดูฝนก็ว่าได้หรือแม้แต่กระทั้งเวลามีแดดจัดๆสำหรับสาวๆก็่ได้ แต่การพกร่มสำไปเที่ยว ขอแนะนำแบบร่มพกพาเพราะมีความกะทัดรัด สะดวกต่อการเก็บไม่เกะกะ จะพกในเป้ใบเล็กหรือกระเป๋าเล็กๆน่ารักก็ได้ เหมาะสำหรับใช้คนเดียวนอกจากนี้ยังเพิ่มความคล่องแคล้วว่องไวในการเดินเร็วเพื่อหาที่หลบฝนอีกด้วย

รองเท้ายาง
     รองเท้าคือสิ่งสำคัญอีกอย่างในการเที่ยวหน้าฝน หากคุณไม่อยากให้รองเท้าคู่ละหลายหมื่นของคุณเปื้อนดินหรือต่างๆนานาที่มากับน้ำฝน แนะนำให้เอารองเท้ายางไปด้วยนะค่ะหรือใส่ไปทั้งทริปการเดินทางเลยก็ได้ สำหรับไกด์แล้วใช้เป็นประจำค่ะเวลาเดินทางหน้าฝน เพราะมีความเบา สะดวก สะบายแห้งเร็วไม่ทำให้เท้ามีกลิ่นเวลาขึ้นรถตอนฝนตก ถ้าหากคุณใส่รองเท้าผ้าใบไปแล้วโดนฝนจะทำให้คุณเย็นเท้าและเกิดเชื้อราที่เท้าได้ง่าย หากยิ่งต้องขึ้นรถ ยิ่งเจอแอร์เย็นเชื่อเถอะค่ะ คนบนรถยังไงก็ต้องหาพิกัดกลิ่นเจอแน่ๆ หากอยากเที่ยวให้สนุกในฤดูฝนนี้แนะนำ รองเท้ายางค่ะ

เสื้อกันฝน
     หากใครที่ไม่ชอบใช่ร่มหรือบางสถานการณ์ในทริปไม่สามารถใช้ร่มได้เช่น เดินลุยป่า เกิดลมแรง มีเป้ใบใหญ่ มีลูกไปด้วย เสื้อกันฝนก็เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งหลายค่ะ

ถุงพลาสติก
      ถือว่าเป็นของเนกประสงค์และกันะค่ะ สำหรับถุงพลาสติกเพราะใช้ประโยชน์ได้หลายอย่างมากเลย เช่น  ห่อเสื้อเปียก ห่อนั้น ห่อนี้บังฝนชั่วคราว ป้องกันความชื้น ฯลฯ สารพัดประโยชน์แล้วแต่สถานการณ์จะใช้ ยังไงก็แนะนำติดตัวไปสัก 2-3 ใบละกันนะค่ะ

เสื้อกันหนาว
       หลายคนคงตั้งคำถามในหัวว่า "จะเอาไปทำไมใส่ไปทำไมเพราะมันเป็นฝนนะ" ใช่ค่ะมันคือฤดูฝนไม่หนาวหรอก ต้องบอกก่อนะค่ะว่าเวลาฝนตกอุณหภูมิจะลดต่ำลงฉับพลัน 2-4 องศาหรือมากกว่านั้นการที่เราสวมเสื้อกันหนาวอย่างน้อยก็ทำให้อุณหภูมิในร่างกายเรายังอบอุ่นไม่ปรับลดตามอากาศภายนอกซึ่งอาาจะทำให้คุณไม่สบายในระหล่างทริปได้นะค่ะ หากเราไม่มีเลื้อกันหนาวคลุมเวลาคุณหลบฝนไม่ว่าจะให้ห้างหรือนั่งรถความหนาวของเอลซ่าจะมาเยือนคุณทันที (อันนี้พูดตามประสบการณ์555)

ทั้งหมดนี้ที่พูดมาแล้วแต่ว่าใครสะดวกใช้อันไหนนะค่ะ แต่ที่สำคัญเที่ยวหน้าฝนยังไงก็รักษาสุขภาพด้วยนะค่ะเพราะโรคภัยที่มากับหน้าฝนสมัยนี้อันตรายเยอะมากไม่เหมือนเมื่อกัน หวังว่าอุปกรณ์กันฝนในทริปหน้าฝนที่ไกด์เขียนมาให้จะเป็นประโยชน์กับนักเดินทางหรือนักท่องเที่ยวตัวยงแบบคุณนะค่ะ
เด่วตอนเย็นเจอกันกับแนะนำแหล่งท่องเที่ยวที่ไหนติดตามชมด้วยนะค่ะ บายๆ

วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ตอนที่ 2 เสน่ห์แห่งดินแดนพระอาทิตย์ ยินดีตอนรับฤดูใบไม้ร่วง (Welcome to Autumn in Japan)


สวัสดีดีค่ะ นี่คือบทความแรกสำหรับการแนะนำการเดินทางและรีวิวการเดินที่คุ้มค่ากับไกด์อ้อมค่ะ ไกด์สาวสวยตัวเล็กเอ็กซ์หน่อยๆที่จะมาพร้อมกับการรีวิว กิน เที่ยว การเดินทางมันส์ๆ เข้าเรื่องกันเลยนะค่ะ ในช่วงหน้าฝนนี้ในประเทศไทยก็มีที่เที่ยวเยอะอยู่นะค่ะ แต่วันนี้ไกด์ขอแนะนำประเทศญี่ปุ่นกับเทศกาล autumn festival ทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่น จะพาคุณไปสัมผัสบรรยากาศที่สุดแสนโรแมนติคของญี่ปุ่นจนต้องรีบตีตั๋วไปญี่ปุ่นตามไกด์ไป แล้วนั่นก็คือฤดูใบไม้ร่วงนี้ละค่ะช่วงเดือน กันยายน - พฤศจิกายน เพราะตามหุบเขาธรรมชาติของญี่ปุ่นจะเต็มไปด้วยต้นไม้ที่พร้อมใจกันเพิ่มความงดงามให้กับขุนเขาแต่แข่งขันกันอวดสีสันของใบไม้เป็นมนต์เสน่ให้นักท่องเที่ยวทั้งหลายต่างหลงใหลและติดใจอยากจะมาชมความงดงามในทุกๆ ปี ถึงแม้ว่าต้นไม้ทุกต้นในญี่ปุ่นจะพร้อมใจกันเปลี่ยนกันเปลี่ยนสี ในทุกพื้นที่หรือทุกๆ เมืองของญี่ปุ่น แต่ถ้าหากคุณได้ไปชมความงดงามในสถานที่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ อย่างภูเขา คุณจะได้รับความประทับใจอย่างแน่นอน โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น หรือเขตโทโฮกุ และเส้นทาง Kurobe Alpine Route หรือรู้จักกันเป็นอย่างดีอีกชื่อหนึ่งคือ Japan Alp นั่นเอง ตั้งอยู่ในเขตจูบุ ซึ่งเต็มไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งการเดินทางยังมีความน่าตื่นเต้นลัดเลาะไปตามขุนเขาหรือจะนั่งกระเช้าไฟฟ้าเพิ่มอรรถรสในการชมธรรมชาติที่หุบเขาคุโรเบะได้เป็นอย่างดี อีกทั้งคุณยังจะได้พบเห็นน้ำตกที่สวยงามและเขื่อนกั้นน้ำขนาดใหญ่รับรองได้ว่าคุณจะประทับใจในทริปนี้ของคุณอย่างแน่นอนค่ะ สำหรับที่อยากไปหรือมีทริปที่จะไปในช่วง autumn นี้ ไกด์ขอแนะนำ 6 สถานที่สวยๆที่คุณไปแล้ว ถ่ายรูปเก๋ๆอัพลงเฟซบุ้ค ให้เพื่อนอิจฉาเล่นๆ ไป เรามาเริ่มที่แรกกันเลยค่ะ


** อุทยานแห่งชาติไดเซ็ทจึซัน ในภาคฮอกไกโด  (คามิคาวะ-กุง ฮอกไกโด)




ว่ากันว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่ใบไม้เปลี่ยนสีแดงก่อนทุกที่ในญี่ปุ่นทิวทัศน์ที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยสีเขียวของใบไม้เรียวและสีเหลืองแดงไม้ใบกว้างสลับสีกันอย่างงดงามดั่งภาพวาดของศิลปินเอกใบไม้บนภูเขาคุโรดาเกะนั้นใช้เวลากว่า 1 เดือน ในการเปลี่ยนสีเป็นสีแดงไล่จากยอดเขาเรื่อยลงมาถึงจุดขึ้นกระเช้าตรงเชิงเขาจุดชมใบไม้แดงที่งดงามที่สุดอยู่ตรงปากทางขึ้นเขาที่มีชื่อว่ากินเซ็นไดบริเวณนั้นยังมีแหล่งน้ำพุร้อนอยู่กว่า 10 แห่งเช่น น้ำพุร้อนโชอุงเดียว-ออนเซ็นหลังจากที่ชมใบไม้แดงแล้วคุณยังสามารถแช่น้ำพุร้อนกลางแจ้งเพื่อดื่มด่ำกับธรรมชาติที่งดงามของฮอกโกไดได้ด้วย
สำหรับการเดินทาง โดยรถประจำทางจากสถานีรถไฟ JR คามิคาวะ ในเวลา 30 นาที 


** นิกโก้ ในภูมิภาคคันโต (เมืองนิกโก้ จังหวัดโทจิงิ) 



นิกโก้เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงมากเนื่องจากเป็นที่ตั้งของศาลเจ้านิกโก้โทโชงุซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่นิกโก้มีจุดชมใบไม้แดงหลายแห่งในตัวเมืองทีต้นโอจิ (แปะก้วย) ขึ้นเรียงรายและตรงถนนขึ้นเขามีชื่อว่า อิโรฮะซะกะก็ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเส้นทางชมใบไม้หลากสีที่งดงามที่สุดในภาคคันโตและสถานที่ที่อยากแนะนำให้เดินทางไปชมคือ น้ำตกริวชู ซึ่งอยู่ใกล้กับทะเลสาบจูเซ็นจิโกะ “ริวชู” มีความหมายว่าหัวมังกรเนื่องจากด้านหน้าของแอ้งน้ำตกมีก้อนหินใหญ่ขวางทางอยู่ทำให้กระแสน้ำที่ไหลมาถึงจุดนั้นถูกแยกออกเป็นสองทางลักษณะคล้ายหัวมังกรตรงส่วนหัวของมังกรมีต้นไม้ขึ้นปกคลุมอยู่เมื่อใบไม้บริเวณนั้นเปลี่ยนเป็นสีแดงก็จะทำให้มองเห็นเป็นหัวมังกรสีแดงด้วย
 สำหรับการเดินทาง โดยรถประจำทาง จากสถานีรถไฟ JR นิกโก้ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง


** สวน เมจิยิงงูไกเอ็ง ในภูมิภาคคันโต (เขตมินาโตะ กรุงโตเกียว) 


แม้แต่ใจกลางกรุงโตเกียวคุณก็สามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีได้ที่สวนยิงงูไกเอ็งแห่งนี้มีต้นฮิโจ กว่า 140 ต้นขึ้นเรียงรายทั้งสองข้างทางอย่างสวยงามฮิโจจะเปลี่ยนสีจากสีเขียวเป็นสีเหลือง และในที่สุดก็ร่วงลงสู่พื้นดินมากจนทางเดินจะกลายเป็นสีเหลืองในช่วงเวลานี้จะมีการจัดงานเทศกาล ที่มีชื่อว่าเทศกาลชมใบฮิโจขึ้นในกรุงโตเกียวไม่เพียงแต่สวนยิงงูไกเอ็งยังสามารถชมใบไม้แดงที่สวนชินจูกุเกียงเอ็งสวนสาธารณะโยโยหงิ สวนสาธารณะฮิปิยะ ฯลฯ ได้อีกด้วยซึ่งเหมาะสำหรับคนที่มีโอกาสเดินทางมาติดต่อธุรกิจที่ญี่ปุ่นแต่ไม่มีเวลาเดินทางไปนอกเมืองจะแวะเวียนไปชมใบไม้เปลี่ยนสีได้อย่างสะดวก
สำหรับการเดินทาง ลงรถไฟที่สถานีรถไฟ JR ชินาโนะมาจิ หรือสถานีรถไฟใต้ดิน ไกเอ็งมาเอะ 

** ทะเลสาบ คาวากุจิโกะ ในภูมิภาคจูบุ (มินามิทสึรุ-กุง จังหวัดยามานาชิ) 



ทะเลสาบคาวากุจิโกะ นอกจากจะเป็นสถานที่ขึ้นชื่อในการชมภูเขาไฟฟูจิคิวโตซึ่งทัวร์จากประเทศไทยนิยมพานักท่องเที่ยวไปเยิ่ยมชมแล้วยังเป็นสถานที่ชมใบไม้แดงที่มีชื่อเสียงมากอีกแห่งหนึ่งด้วยภูเขาไฟฟูจิที่ยอดเขาถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวตัดกับสีของใบไม้แดงนั้นเป็นภาพทิวทัศน์ที่แสดงออกถึงความเป็นญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดีใบไม้แดงในแถบนี้เกือบทั้งหมดเป็นใบของโมมิหยิ หรือ เมเปิ้ลนั่นเอง ในช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนเป็นสีแดงเต็มที่จะมีการจัดงานเทศกาลชมใบโมมิหยิขึ้นในค่ำคืนช่วงเวลาที่มีงานจะประดับไฟจนถึงเวลาประมาณสี่ทุ่มทำให้บรรยากาศดูโรแมนติกราวกับอยู่ในฝันในละแวกใกล้เคียงยังมีสวนสนุก พิพิธภัณฑ์ศิลปะ อยู่มากมายหลายแห่งและใกล้กับแหล่งน้ำพุร้อน ผูจิคาวาวุชิโกะ ยังมีโรงแรมแบบญี่ปุ่นที่มีบ่อน้ำพุร้อนให้บริการอยู่มากมาย
สำหรับการเดินทาง โดยรถยนต์ จากสถานีรถไฟด่วนสายฟูจิคิวโค คาวากุจิโกะ ใช้เวลา 20 นาที 

** อะระชิยะมะ ในภูมิภาคคันไซ (เมืองเกียวโต จังหวัดเกียวโต) 



ในเมืองหลวงเก่าเกียวโตก็มีสถานที่ชมใบไม้แดงอยู่หลายแห่งเช่นกันแต่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือใบให้แดงที่อะระชิยะมะทุกคนที่เดินทางมาที่นี่จะต้องไม่พลาดที่จะถ่ายรูปกับสะพานโทเง็ทสึเคียวโดยมีภูเขาอะระชิยะมะเป็นฉากหลังนอกจากนั้นนักท่องเที่ยวยังนิยมใช้บริการรถไฟโพร็อคโกะเพื่อชมใบไม้แดงที่อะระชิยะมะอีกด้วยเนื่องจากในเกียวโตมีวัดและศาลเจ้าอยู่เป็นจำนวนมากจึงสามารถชมความงามของใบไม้แดงในวัดต่างๆได้ เช่น วัดกิงคาคุจิ ศาลเจ้าชิโมงาโมะ วัดนันเซ็นหยิ เป็นต้น
สำหรับการเดินทาง เดินทางจากสภานีรถไฟ JR ซะงะอะระชิยะมะใช้เวลา 10 นาที 

** น้ำพุร้อน อุนเซ็น ในภูมิภาคคิวชู (เมืองอุนเซ็น จังหวัดนางาซากิ)  



สีแดงและเหลืองของใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่ มีความงดงามมากถึงขนาดหากมองไกลๆ อาจเข้าใจผิดจะคิดไปว่าเป็นดอกไม้ได้เป็นเพราะที่นี่มีต้นไม้ที่ใบเปลี่ยนสีถึง 150 กว่าชนิด หากมองลงมาจากยอดภูเขาคุนิมิตะเกะภาพที่เห็นจะยิ่งสร้างความประทับใจไม่รู้ลืมแถบนี้มีชื่อเสียงมากในฐานะที่เป็นแหล่งน้ำพุร้อนแห่งแรกในญี่ปุ่นที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานแห่งชาติจึงมีทั้งโรงแรมแบบญี่ปุ่นและโรงแรมแบบสากลเปิดให้บริการอยู่มากมายสามารถเลือกที่ถูกใจได้ นอกจากนั้นยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอื่นๆ อีก เช่น ฮุสเทนบอส ซึ่งเป็นรีสอร์ทที่จำลองบรรยากาศแบบยุโรปในยุคกลางที่จะแวะไปสัมผัสบรรยากาศได้
สำหรับการเดินทาง โดยรถประจำทางจากสถานีรถไฟ JR อิซะฮะยะ ใช้เวลา 2 ชั่วโมง

เชื่อว่าหลายท่านเคยไปญี่ปุ่นบ่อยแต่การันตีเลยนะค่ะว่าการเที่ยวญี่ปุ่นในฤดูใบไม้ร่วงนี้จะทำให้คุณได้สัมผัสการเดินทางในอีกมุมมองหนึ่งเหมือนกับมาญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ สนุกกับการเดินทางนะค่ะ